2017S_RHSACHB: ปั่นชมเมืองและไปมิวเซียมเดินเรือ ใกล้ Copenhagen

Day 8: Copenhagen I’m back!

หลังจากเมื่อปี 2014 ที่เป็นการมาเมืองนี้ครั้งแรกและทรมานกับความหนาวมาก คราวนี้กลับมาเพื่อแก้มือ พร้อมเสื้อผ้าและวางแผนมาอย่างดี พลาดอย่างเดียวคือ โรงแรมไกลจากสถานีรถไฟพอควรเลย เนื่องจากเราจะค้างที่โคเปนเฮเกนหลายคืน เลยไม่อยากอยู่โฮสเทลห้องรวมกับคนอื่นเพราะกังวลเรื่องข้าวของและความเป็นส่วนตัว ก็เลยเลือกพักที่ Wakeup hotel นอกจากเรื่องความไกลแล้ว อย่างอื่นก็สะดวกสบายหมด มีจักรยานให้เช่า และนี่คือ Signature ของเมืองนี้ ไม่ปั่น ถือว่ามาไม่ถึงค่ะ

img_0025

มาคราวนี้ก็ตั้งใจมาเก็บตกจุดที่ครั้งที่แล้วไปไม่ถึงเพราะเหนื่อยและหาไม่เจอ ซึ่งที่แรกก็คือ Superkilen เป็นสวนสาธารณะที่ขนาดไม่ใหญ่มากในย่าน Nørrebro เป็นย่านที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะ ดังนั้นงานออกแบบที่นี่จึงมีแนวคิดที่จะทำให้คนจากมุมต่างๆ ของโลกมาใช้ที่นี่แล้วรู้สึกนึกถึงบ้าน และต้องการจะยกระดับย่านนี้ให้เจริญเทียบเท่าย่านอื่นๆ ในโคเปนเฮเกน ตัวงานได้รับเสียงชื่นชมและรางวัลจากหลายสถาบัน รวมถึงภาพถ่ายก็ดึงดูดให้เราอยากมาเยือนที่นี่

สวนนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนสำหรับกิจกรรมที่แตกต่างกัน ส่วนแรกคือ The Red Square ที่พื้นจะเป็นสีแดงสด สีส้ม และสีชมพู สำหรับกิจกรรมสันทนาการ เล่นดนตรี ข้ามฝั่งถนนมาจะเป็นส่วนที่สองชื่อ The Black Market เป็นที่สำหรับนั่งเล่น ออกกำลังกาย ส่วนสุดท้ายชื่อ The Green Park เป็นส่วนที่ยาวที่สุด มีเนินหญ้าสีเขียวเพื่อให้มานั่ง Picnic เล่นกีฬาหรือพาสุนัขมาเดินเล่นได้ แต่ตอนที่เราไปนั้น ไม่มีอะไรที่ว่ามานี้เลย ฮ่าๆ

เมื่อปั่นจักรยานมาถึง ก็แอบดีใจเพราะแทบไม่มีคนเลยทั้งที่เป็นวันเสาร์ แต่อาจจะเช้าไปและเป็นฤดูหนาวด้วยรึป่าวก็ไม่แน่ใจ ดังนั้นก็เลยสามารถสำรวจและถ่ายรูปได้เต็มที่ จากที่เห็นคร่าวๆ ตัวสวนค่อนข้างทรุดโทรมและเงียบเหงา มีแม่ลูกกลุ่มเล็กๆ มาเดินเล่นอยู่บ้างในโซน The Black Market

Processed with VSCO with hb2 preset

เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า แม้ว่าสวนนี้จะมีทีมออกแบบที่มีชื่อเสียงทำงานร่วมกันอย่าง Superflex, BIG (Bjarke Ingels Group) และ Topotek1 ก็ยังไม่สามารถทำให้สถานที่นี้ตอบโจทย์ที่ว่าต้องการเป็นที่ๆ ให้คนต่างเชื้อชาติต่างวัฒนธรรมมารวมตัวกันที่นี่แล้วรู้สึกนึกถึงบ้านได้ เราในฐานะผู้มาเยือน ซึ่งอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตด้วยซ้ำ ยังสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรกว่ามันมีความรู้สึกแปลกๆ แห้งๆ ไม่มีชีวิตชีวา แล้วผู้คนใน Nørrebro ที่ต้องเห็นสิ่งนี้ทุกวัน จะรู้สึก Fail แค่ไหน

อ่านที่มาของการออกแบบและความคิดเห็นเพิ่ม

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

จาก Superkilen ก็ปั่นต่อมาที่จุดท่องเที่ยวฮอตฮิตของโคเปนเฮเกน รูปปั้นเงือกน้อย ซึ่งตอนที่มาเมื่อปี 2014 เราตัดที่นี่ออกอย่างไม่มีเยื่อใย ด้วยเหตุผลว่า มันก็แค่รูปปั้น… แต่เมื่อมาถึงจริงๆ บริเวณที่ใกล้ๆ กันก็มีความน่าสนใจไม่น้อย

Processed with VSCO with hb2 preset

นอกจากรูปปั้นเงือกน้อยแล้ว บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของป้อมรูปดาวห้าแฉก Kastellet ซึ่งเป็นจุดที่เราจอดจักรยานไว้หน้าทางเข้า เนื่องจากทั้งสองที่นี้ไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะเข้าไป ต้องเดินอย่างเดียว เราจึงเดินไปยังรูปปั้นเงือกน้อยก่อน

ก็อย่างที่บอก รูปปั้นเงือกน้อยเป็นดาวเด่นของเมืองนี้อย่างมาก เนื่องจากเป็นสัญลักษณ์ของนิทานเรื่อง The Little Mermaid ที่ Hans Christian Anderson นักประพันธ์ชาวเดนมาร์กเป็นผู้แต่งขึ้นมา เมื่อได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้รู้ว่า นางมีความฮอตอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากจะมีพวกชอบมาทำลายหรือขโมยส่วนต่างๆ ของนางไปบ้างแล้ว นางยังชอบถูกใช้เป็นที่แสดงออกในการต่อต้านเรื่องต่างๆ อีกด้วย น่าสงสารจริงๆ แม่เงือกน้อย

Processed with VSCO with hb2 preset

ถัดมาใกล้ๆ กันอย่างที่บอก ก็จะเจอกับป้อมปราการรูปดาวห้าแฉก ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการจู่โจมทางทะเลในยุคที่ใช้ปืนใหญ่ในการต่อสู้ จึงเป็นรูปแบบการสร้างป้อมที่นิยมมากในยุโรปยุคนั้น แต่ละแฉกของดาวก็จะมีป้อมอยู่และตั้งชื่อเป็น The King’s Bastion (Kongens Bastion), The Queen’s Bastion (Dronningens Bastion), The Count’s Bastion (Grevens Bastion), the Princess’s Bastion (Prinsessens Bastion) และ the Prince’s Bastion (Prinsens Bastion) โดยรอบป้อมจะมีคูน้ำล้อม ก่อนจะมีเขื่อนดินสูงประมาณ 20 เมตรปิดรอบอีกทีเพื่อป้องกันข้าศึก แต่ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและออกกำลังกายที่บรรยากาศดีและสวยมาก

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
OLYMPUS DIGITAL CAMERA
Processed with VSCO with hb2 preset

การปั่นไปทั้งสองที่นี้ใช้เวลาไปกว่าครึ่งวัน ถึงเวลาต้องกลับสู่ใจกลางเมืองอีกครั้งและใช้เวลายามบ่ายที่เหลือที่ Stroget โดยร้านแรกที่เข้าคือ Arket เป็นแบรนด์ใหม่ในครอบครัว H&M อย่างที่บอกไปในตอน Stockholm ฟังก์ชั่นของร้านจะคล้ายกับมูจิที่ชินจูกุแต่ไม่ยิ่งใหญ่เท่า หลักๆ คือขายเสื้อผ้า รองลงมาคือของใช้และคาเฟ่ เราเลยถือโอกาสนั่งพักที่นี่ไปด้วย ในร้านคนค่อนข้างแน่น บรรยากาศไม่ได้เหมาะสำหรับนั่งชิลซักเท่าไหร่

ถัดมา ร้านนี้สาย Minimal ต้องรู้จักดี HAY House แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่น้อยแต่แพง ฮ่าๆ ตัวร้านหายากซักหน่อยเพราะอยู่ชั้น 2 และ 3 ของตึก เดินวนหลายรอบกว่าจะเจอทางเข้า ในร้านทำดีมากกกก ที่ชอบที่สุดจะเป็นโซนของใช้ในครัว ที่จะมีพนักงานตั้งหม้อต้มน้ำที่ผสมซินเนมอนกับอะไรไม่รู้ เพื่อเสิร์ฟลูกค้าที่เดินเข้ามาถึงห้องนี้ กลิ่นหอมๆ ก็ลอยอยู่ในร้านสร้างบรรยากาศได้ดีจนไม่อยากออก เพลินมาก

จบวันนี้ด้วยของฝากและ “ของมันต้องมี” มากมาย นอกจากสองแบรนด์นี้ เดนมาร์กก็ยังมี Bang & Olufsen หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า B&O แบรนด์ที่ยอดเยี่ยมมากในเรื่องของงานเสียง หูฟัง ลำโพง ดีไซน์ก็น้อยแต่แพงตามสไตล์สแกนดิเนเวียน ส่วนอีกแบรนด์ที่รู้จักกันมานานคือ LEGO แต่เราจะไม่แวะที่ Stroget ให้เสียเวลา เพราะวันสุดท้ายเราจะบุกไปถึงบ้านของ LEGO ที่เมือง Billund กัน

Day 9: Maritime Experience

วันนี้เราเดินทางไปเมือง Helsingør นั่งรถไฟออกจากโคเปนฯ ไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง และจากท่าเรือที่เมืองนี้ยังสามารถล่องเรือข้ามช่องแคบไปยังเมือง Helsinborg ของประเทศสวีเดนได้ด้วย ใกล้กันมากๆ ความน่าดึงดูดของเมืองนี้ที่นำพานักท่องเที่ยวมาก็คือ ปราสาท Kronborg ที่เป็นฉากสำคัญในเรื่อง Hamlet ผลงานของ Shakespeare แต่นั่นไม่ใช่จุดที่ทำให้เรามาที่นี่

IMG_1386r
OLYMPUS DIGITAL CAMERA

บริเวณด้านหน้าก่อนถึงทางเข้าปราสาท Kronborg จะเป็นที่ตั้งของ Maritime Museum จุดหมายของเราในวันนี้ ความพิเศษคือมันถูกสร้างในพื้นที่ๆ เคยเป็นอู่จอดเรือมาก่อน ตัวอาคารฝังตัวอยู่ใต้พื้น และมีทางลาดที่เป็นหลังคาทางเชื่อมไปด้วยนำเข้าสู่ตัวอาคาร กว่าจะรู้ว่านี่เป็นทางเข้าก็เดินวนอยู่หลายรอบ นึกว่ามันปิดไม่ให้เข้าชม จนมีคนเดินเข้าไปบนทางที่ว่า ถึงได้อ๋ออออ มันเข้าทางนี้จ้าาา และยังมีความบังเอิญที่เพิ่งมาคิดได้ทีหลังก็คือ ทั้ง Superkilen ที่นี่ และ Lego House ที่เป็นที่สุดท้ายที่จะไปในวันรุ่งขึ้น ทั้งหมดเป็นงานออกแบบของ BIG (Bjarke Ingels Group) เพราะเราเลือก destination จากความอยากไปดูเองล้วนๆ เลยรู้สึกว่า เออ เค้าเจ๋งว่ะ

Processed with VSCO with hb2 preset

ด้วยความที่เดนมาร์กมีประวัติศาสตร์การเดินเรือมายาวนาน ที่นี่จึงเต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่ประเภทของเรือ การใช้ชีวิตบนเรือ อาชีพ (ที่เพิ่งรู้ว่ากัปตันต้องทำหน้าที่บาทหลวงเพื่อประกอบพิธีศพไปด้วยหากมีลูกเรือเสียชีวิต) การอ่านเข็มทิศ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า (ถูกนำเสนอในรูปแบบเกมให้เราจำลองวางแผนการเดินเรือไปยังเมืองต่างๆ เพื่อไปขายสินค้า) การทำสงคราม เป็นต้น ทุกโซนทำดีมาก ไม่น่าเบื่อเลย

ส่วนตัวแล้วเราชอบ gimmick นี้ที่สุด เป็นเทคนิคที่น้อยแต่มากดี โถงนี้จัดแสดงอุปกรณ์พวกกล้องส่องทางไกล เข็มทิศ ไว้ในตู้กระจก ผนังทั้งสองข้างจะฉาย Projector ที่ถ้าเงยหน้าขึ้นมาจากตู้กระจกจะรู้สึกมึนๆ เหมือนอยู่บนเรือกลางทะเล

IMG_1395r

โซนนี้จะสมมุติให้เราเป็นเจ้าของเรือขนสินค้าในสมัยโบราณ มีสมุดบันทึกให้เราเล่มนึงเพื่อจดบันทึกรายการซื้อขาย วางแผนการเดินเรือ เลือกเมืองที่จะเดินทางไปซื้อขายสินค้า คำนวณต้นทุน-กำไรว่าคุ้มมั้ย

IMG_1398

ส่วนอันนี้ก็เป็นเกมวางแผน Logistic เหมือนกัน แต่จะเป็นในรูปแบบของการมีออร์เดอร์มาว่าต้องการให้ไปส่งสินค้าชนิดนี้ที่เมืองอะไร ก็จะมีอะไรให้คำนวณเพิ่มขึ้น เช่น เชื้อเพลิง ระยะเวลาที่ต้องไปถึงให้ทันเวลา ค่าแรง สภาพอากาศ เป็นต้น ถ้าดูจาก score ranking แล้ว ทุกคนจริงจังกับเกมมากค่ะ ฮ่าๆ

Processed with VSCO with hb2 preset
Processed with VSCO with hb2 preset
Processed with VSCO with hb2 preset

ปิดท้ายค่ำคืนสุดท้ายในโคเปนเฮเกนด้วยสวนสนุก Tivoli เป็นที่ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสที่ดีที่สุดในโคเปนเฮเกน ผู้คนยังคงมาที่นี่เยอะเหมือนเดิมและเพิ่มมากขึ้นเมื่อฟ้าเริ่มมืดลง ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสนุกแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มาเพื่อเล่นเครื่องเล่น เหมือนมาเดินเล่น ถ่ายรูป ชอปปิ้ง ทานอาหารซะมากกว่า นอกจากในสวนแล้ว บริเวณรอบๆ ก็มีร้านอาหาร ให้เดินชิลได้เรื่อยๆ เลย

At Tivoli Food Hall

อาหารที่เป็น Signature ของเดนมาร์กที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ต้องโดนเข้าซักมื้อแหละ คือ Smørrebrød หรือ Open Sandwich แต่ละร้านก็ไม่ใช่หน้าเบๆ แน่นอน แต่รับประกันได้ว่าอร่อยหมด : )

Processed with VSCO with hb2 preset

ต่อวันสุดท้ายที่ Billund กันตอนหน้าค่ะ


Instagram @sologirloutthere | Facebook @sologirloutthere