2017S_RHSACHB: แวะเที่ยวชิล ๆ ในเมือง Helsinki + Stockholm

Day 3: Helsinki

เช้าตรู่ เมื่อรถไฟมาจอดเทียบชานชาลาที่สถานี Helsinki Central Station เราก็บอกลารูมเมทชาวอะไรไม่รู้ ตื่นมาก็เห็นนางนอนอยู่บนเตียงชั้นบนแล้ว ลงมาที่ชานชาลาก็จะพบกับอาคารเพดานสูงทึบ ใหญ่โต สวยงาม เดินลากกระเป๋าทะลุผ่านออกมาเพื่อขึ้นรถรางไปยัง Euro Hostel เพื่อเช็คอิน ทานอาหารเช้าและเริ่มเดินทาง

Temppeliaukio Church

โบสถ์แห่งนี้อยู่ใน Wish List ของเรานานแล้ว ความน่าสนใจอยู่ที่โบสถ์นี้ถูกสร้างด้วยการขุดหินเข้าไป แต่อุปสรรคของการสร้างก็ไม่ใช่การขุดหิน กลับเป็นขั้นตอนก่อนจะสร้างที่ผ่านอุปสรรคในการประกวดแบบมาหลายครั้ง จนได้ผู้ชนะคือ Timo & Tuomo Suomalainen ขนาดของโบสถ์ตามแผนก่อสร้างจะต้องใหญ่กว่านี้ แต่ด้วยงบประมาณจึงถูกลดขนาดลงเหลือ 1 ใน 4 เท่า ซึ่งพอมาอยู่ในสถานที่จริงก็ไม่เล็กเลย และให้ความรู้สึกโอบล้อมดี ด้านบนตรงกลางมีโดมทองแดงครอบ และมีช่องแสงธรรมชาติเป็นวงแหวนรอบโดมอีกที ตัวโบสถ์มองด้านนอกจะอยู่บนเนินและมีกองหินที่มีโดมปิดด้านบน ค่อนข้างสังเกตได้ยาก

IMG_1010IMG_1013IMG_1014IMG_1015IMG_1016

Processed with VSCO with hb2 preset

 

 

 

 

 

 

ตึกนี้เจอตอนกำลังจะข้ามถนน บังเอิญมองขึ้นไปแล้วเจอยีราฟสองตัวมองเจ้าพวกมนุษย์อยู่ น่ารักมาก ข้างในน่าจะเป็นสถาบันอะไรซักอย่างที่เกี่ยวกับสวนสัตว์ : )

 

 

Kamppi Chapel

Chapel นี้ทำให้เราประหลาดใจหลายอย่าง อย่างแรกคือ มันเล็กกว่าที่คิดมากและตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจและแหล่งชอปปิ้ง ระหว่างเดินตาม Google Map มาก็กลัวว่าจะไม่เจอ แต่ก็เดินตามมาเรื่อยๆ จนเจอทางเข้าเป็นอาคารสีดำเล็กๆ ที่เหมือนถูกหนีบอยู่ระหว่าง Chapel กับกำแพงบันได พอเข้าไปจะมี Reception ก่อนที่จะเข้าไปในตัว Chapel ด้วยความที่อยากเห็นข้างในมากๆ ก็ไม่ได้เตรียมตัวใดๆ พุ่งตัวเข้าไปทันที จึงผงะกับความสงบเงียบด้านในเอามากๆ เพราะพื้นที่ใน Chapel นั้นเล็กกว่าที่คิด และมีคนนั่งสวดภาวนาอยู่ 3-4 คน ทำให้การจะเดินดูหรือถ่ายรูปต้องสำรวมมากๆ ไม่ไปรบกวนเค้า แต่ถ้าพูดถึงในเรื่องของจุดประสงค์ในการสร้าง Chapel นี้ ก็ถือว่าทำได้สำเร็จตามที่เค้าหวังว่าจะให้เป็น Chapel of Silence ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวงจริงๆ

IMG_1024641B99DC-84E3-41EA-A867-B6CBDB344213

ตกบ่ายแล้วก็เริ่มออกชอปปิ้ง แบรนด์ที่จะพลาดไม่ได้เลยถ้ามาถึงฟินแลนด์แล้วก็คือ Marimekko (Marimekko ไม่ใช่แบรนด์จากญี่ปุ่นอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจกันนะจ๊ะ) เป็นแบรนด์ที่เหมือนเป็นแบรนด์แห่งชาติ จะสัมผัสได้ชัดมากขึ้นถ้าเดินทางด้วยสายการบิน Finnair ข้าวของบนเครื่องบินจะมาจาก Marimekko ทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะมี Flagship Store อยู่ใน Helsinki แล้ว ก็ยังมีสาขาอยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แม้แต่ใน Santa Claus Village รวมถึงสินค้าต่างๆ ของ Moomin ด้วยเช่นกัน เรานี่ซื้อแล้วซื้ออีก เพราะแต่ละสาขาก็จะมีของบางอย่างไม่เหมือนกันค่ะ

ปิดท้ายวันนี้ด้วยอาหารเย็นที่ Löyly อันที่จริงมันคือซาวน่าที่มีร้านอาหารอยู่ด้วย ซึ่งตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะลองดู แต่ด้วยเหตุบางอย่างเลยได้แต่เข้าไปทานอาหารเย็นที่นี่ นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศก็ดีเลย คราวหน้าถ้าได้มาอีกคงไม่พลาด ต้องลองซาวน่าให้ได้

IMG_1038

My View

ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีหลายอย่างที่ให้ความรู้สึกน่ารัก ทั้งเรื่องราวของ Santa Claus, Moomin, Marimekko, บรรยากาศ, ผู้คน และข้าวของต่างๆ มันหลอมรวมกันแล้วให้ความรู้สึกเป็นมิตรอย่างบอกไม่ถูก สักครั้งนึงก็อยากให้มาสัมผัสกัน

ก่อนออกจากฟินแลนด์ ขอฝากอีกเรื่องที่สำคัญสำหรับชาวไทย คือเรื่องสายฉีดชำระในห้องน้ำ เป็นที่รู้กันว่าในยุโรปไม่นิยมใช้ แต่ที่ฟินแลนด์มีค่ะ แต่วิธีการใช้อาจจะแตกต่างจากบ้านเราคือ ในห้องส้วมทุกห้องไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะมีอ่างล้างหน้าขนาดเล็กอยู่ด้วยเสมอ ให้เปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้านั้นก่อน แล้วสายฉีดชำระนี้ถึงจะใช้ได้… เราค้นพบเรื่องนี้ตอนที่เข้าห้องน้ำครั้งสุดท้ายในฟินแลนด์…

Processed with VSCO with hb1 presetProcessed with VSCO with t1 preset


Day 4-5: Stockholm

Processed with VSCO with b1 preset

วันนี้ต้องเปลี่ยนเมืองไปยัง Stockholm ซึ่งสามารถเดินทางด้วยเครื่องบินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การเช็คอินไฟลท์นี้ก็เป็นประสบการณ์ใหม่เช่นกัน คือ ทำเองทุกอย่าง ตั้งแต่ออกตั๋ว, ออก Tag ติดกระเป๋า, ติด Tag กระเป๋าและโหลดกระเป๋าเอง ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่เลย และเร็วมากด้วย
ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงจากเฮลซิงกิก็ถึงสนามบิน Arlanda ต้องนั่งรถไฟอีกประมาณ 20 นาที จากสถานีที่สนามบินเพื่อไปที่พักคืนนี้ของเรา เราก็เดินดุ่มๆ ลงสถานีไป เจอตู้ขายตั๋วที่ชานชาลาที่เหมือนจะรับแต่บัตรเครดิต (ที่ต้องมีรหัส) ก็เลยเดินกลับขึ้นไปใหม่ จึงค้นพบว่า การซื้อตั๋วรถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวจะต้องซื้อที่เคาน์เตอร์และใช้ Passport ในการซื้อด้วย แต่ก็สามารถไปจองล่วงหน้าที่ Arlanda Express ได้เช่นกัน

ฟ้ามืดแล้วและมีฝนตกเบาๆ ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟประมาณ 15 นาที ฝ่าความวุ่นวายของผู้คนช่วงเลิกงานไปยังที่พักของเรา Generator Hostel ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เรียกได้ว่ามีพร้อม จะชอปปิ้ง จิบกาแฟในร้านเก๋ๆ เดินเล่นในเมืองก็เพลินดี เหมือนมาแวะพักหนึ่งวันเพื่อดูวิถีชีวิต แต่ที่น่าสนใจสำหรับสาวๆ คือ หนุ่มสวีเดนนั้นดีมากกกกกก ทั้งการแต่งตัวและบุคลิกโดยไม่เกี่ยงอายุเลย ถ้าได้แวะเมืองนี้ในวันทำงาน ก็ลองหาร้านกาแฟซักร้านแล้วนั่งเสพหนุ่มๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาในยามบ่าย ก็เพลินไม่น้อยทีเดียว ; )

ถ้ามาถึง Stockholm แล้ว สาวนักช้อปสาย Minimal ควรจะรีบโกยแบรนด์ COS ไว้เลย หรือ Arket แบรนด์น้องใหม่ในเครือ H&M ที่มีความ Minimal และแพงกว่าพี่ๆ มาก ซึ่งตอนเราไปนั้นยังไม่มีสาขาที่สวีเดนเลย ที่ใกล้สุดในละแวกนี้ก็คือสาขา Copenhagen และเราไม่พลาดแน่นอน

ขอจบวันเบาๆ ใน Stockholm ไว้เท่านี้เพราะเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีจุดสำหรับท่องเที่ยวมากนัก แต่เหมาะกับการชอปปิ้งมากกว่า ซึ่งนอกจากแบรนด์ดังๆ แล้ว ร้านค้าต่างๆ และตัวเมืองเองก็สวยด้วย ทำให้เดินเล่นเพลินๆ ได้ดีในช่วงคริสต์มาสแบบนี้… ส่วนการเดินทางพรุ่งนี้ เราจะไปบุกบ้านอิเกียกันค่ะ!

>> ไป Älmhult กันต่อ