เราออกเดินทางจาก Köln ด้วยรถไฟ เวลาประมาณสี่ทุ่ม เพื่อประหยัดเวลาและค่าที่พักไปอีกหนึ่งคืน ซึ่งจะถึงมิวนิคเวลาหกโมงเช้าพอดี แต่ในความประหยัดก็ต้องมีความยากลำบากแฝงเสมอค่ะ เพราะเราไม่ได้นั่งยาวจนถึงเช้า ต้องมีเปลี่ยนขบวนที่ Frankfurt am Main ตอนเที่ยงคืน ซึ่งภาพในหัวตอนจองตั๋วก็คือ ก็ไม่น่าจะมีอะไรนะ … ตัดภาพมาที่ความเป็นจริง ที่อุณหภูมิเลขตัวเดียว ชานชาลาเปิดโล่งตอนเที่ยงคืน แม้จะเป็นเพียงครึ่งชั่วโมงที่ต้องรอรถไฟขบวนถัดไป แต่มันก็ยาวนานจนทำให้นึกถึงคืนที่นอนที่สนามบินที่ Riga ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามหลับ เด็ดขาด นั่งมองนาฬิกาผ่านไปทุกวินาทีเลย … ซึ่งก็ยังดีที่รถไฟมาตรงเวลา พอได้ขึ้นปุ๊บก็หลับยาว
เรามาถึง München Hbf หกโมงตามเวลาเป๊ะ ก็ไปเช็กอินที่โรงแรมซึ่งจองไว้ล่วงหน้าแล้วคือ Euro Youth Hotel ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย สะอาด ปลอดภัย อาหารเช้าก็ดี มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น ถือว่าโอเคเลยค่ะ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางเลยค่ะ มาดูกันว่า 1 วันในมิวนิค จะไปไหนได้บ้าง
The Dachau Concentration Camp Memorial Site and Museum
(ฟรีค่าเข้าชม, ค่า audio guide 3.5 ยูโร)
การเดินทาง
เราซื้อตั๋ว Single day ticket-Munch XXL ราคา 8.1 ยูโร เพื่อใช้เดินทางทั้งวัน การไปค่ายดาเคาจะเดินทาง 2 ต่อ คือ รถไฟต่อด้วยรถบัส เรานั่งรถไฟจาก München Hbf สาย S2 ไปลงที่สถานี Dachau/Petershausen แล้วเดินมาขึ้นรถบัสสาย 726 ที่ชานชาลาใกล้สถานีรถไฟ ไปลงที่ Saubachsiedung ถ้าไม่แน่ใจก็ถามคนขับก็ได้ค่ะว่าไป Dachau Camp ใช่มั้ย
The Dachau Concentration Camp Memorial Site and Museum หรือเรียกสั้นๆ ว่า ค่ายกักกันดาเคา บางคนอาจสงสัยว่าเราชอบนาซีรึเปล่าถึงได้ชอบไปมิวเซียมเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ ทำไมไม่ไปดูอะไรสวยๆ งามๆ ถ่ายรูปๆ ก็จบแล้ว…คำตอบคือ…เปล่า แต่เราอยากเข้าใจประวัติศาสตร์เค้ามากกว่า อ่านหนังสือ เปิดกูเกิ้ล ก็ได้ข้อมูลระดับนึง แต่การมาเดิน มาเห็น มาอยู่ในสถานที่ที่ครั้งนึงในประวัติศาสตร์เคยเอาคนมาขังไว้ ทรมาน ใช้แรงงาน และเผา(ทั้งหมดมีการวางผังอย่างเป็นระบบ) เป็นจำนวนมาก มากๆ มันขนลุก และจินตนาการไปว่าถ้าเป็นเราตอนนั้น จะเลือกตายหรืออยู่อย่างทรมานในค่ายนี้ด้วยความหวังอันน้อยนิด
ค่ายกักกันดาเคาจัดอยู่ในประเภท Labor Camp หรือค่ายสำหรับใช้แรงงาน ใครที่เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับนาซีน่าจะเคยเห็น motto นี้ “Arbeit macht frei” หรือ การทำงานจะนำไปสู่อิสระภาพ เป็นสโลแกนที่นาซีใช้ชวนเชื่อคนให้มีความหวังว่า วันนึงพวกเค้าจะได้อิสระภาพคืนมา เดิมจะมีติดอยู่ที่ประตูทางเข้าค่าย แต่เราไม่ทันสังเกตว่าตอนนั้นมีอยู่มั้ย พอไปหาข้อมูลเพิ่มปรากฏว่า มันถูกขโมยไปตอนต้นเดือน พ.ย. 2014 (เราไปปลาย พ.ย. T^T) ดังนั้นถ้าไปตอนนี้ก็จะไม่เห็นละค่ะ


เราจะขอแบ่งเองง่ายๆ ว่า 4 ส่วนหลักๆ ของค่ายนี้ คือ
1. Museum ส่วนจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ค่ายนี้ เดิมเป็น Maintenance building
2. Barracks เดิมเคยเป็นอาคารสำหรับนักโทษ
3. Crematorium หรือห้องเผาศพ ตรงนี้ชะโงกหน้าแล้วเดินผ่านเร็วๆ แค่คิดภาพก็ไม่ไหวละ
4. Religious Memorial เป็นอนุสรณ์สถานของแต่ละความเชื่อทางศาสนาต่างๆ
นักโทษที่ถูกจับมาใช้แรงงานในค่าย จะต้องถูกจับอาบน้ำและยึดของทุกอย่างที่ติดตัวมาทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่แว่นตาหรือขาเทียม และใส่เพียงเสื้อกับกางเกงที่เหมือนชุดนอนเท่านั้นไม่ว่าอากาศจะร้อนหรือหนาว เลยยิ่งทำให้เราอินไปอีกเพราะ ณ ช่วงเวลาที่ไปเป็นฤดูหนาวพอดี ขนาดใส่ตั้งหลายชั้นยังไม่พอเลย แล้วคนเหล่านั้นเค้าอยู่กันได้อย่างไร
หากมีโอกาสมามิวนิค ขอให้มาเดินดูกันค่ะ ใช้เวลาประมาณครึ่งวันนิดๆ เราจะทึ่งในระบบของมัน แต่ก็หดหู่กับความโหดร้ายของมันเช่นกัน
เพิ่มเติม
เดินดูค่ายเครียดๆ แล้วหิว ที่นี่มีร้านอาหารบริการด้วยค่ะ อร่อย สะอาด และไม่แพงค่ะ
BMW Welt (BMW World)
(BMW Welt ฟรีค่าเข้าชม, BMW Museum ค่าเข้าชม 8 ยูโร)
การเดินทาง
นั่งรถไฟมาลงที่ Olympia-Zentrum เดินออกมาแป๊บนึงก็เจอเลยค่ะ
ออกตัวก่อนว่าไม่ค่อยอินกับเรื่องรถเท่าไหร่ แต่มามิวนิคจะไม่ให้มาแหล่งกำเนิด BMW ก็ใช่ที่ เดินเข้าไปนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยค่ะ ฮ่าๆๆ อันไหนใหม่ อันไหนเก่า ไม่รู้เลยยย… แต่เราชอบการออกแบบตัวอาคาร BMW Welt สวยล้ำจริงๆ ได้อ่านข้อมูลก่อนเดินทางมาว่า concept ในการออกแบบคือ Cloud Roof โครงสร้างหลังคาของอาคารถูกออกแบบให้มีลักษณะลอยเหมือนก้อนเมฆ ส่วนตัวอาคารที่รับน้ำหนักถูกออกแบบให้เป็นลักษณะเกลียวพายุทอร์นาโด บวกกับ function ของอาคารนี้ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทุกอย่างจึงลงตัวและตอบโจทย์งานออกแบบอย่างมาก … ส่วน BMW Museum เราไม่ได้เข้า เพราะมันเย็นมากแล้วและไม่อินกะรถด้วยเลยขอบายดีกว่า ฮ่าๆๆ




Christmas Market at Marienplatz
ปิดท้ายทริปนี้ด้วย Christmas Market บริเวณหน้า Marienplatz (อยู่ติดกับสถานี Marienplatz เลยค่ะ) ซึ่งใหญ่มากกก ร้านค้าต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กับที่ Cologne แต่จำนวนเยอะกว่า ก็เลยเดินเล่นจิบไวน์อุ่น (Glühwein) เก็บบรรยากาศก่อนกลับค่ะ
My View
การเที่ยวเยอรมันไม่ยากค่ะ แต่จะให้ง่ายขึ้นก็เรียนรู้ภาษาเค้าไว้นิดนึงก็ดีค่ะ บางคำพอเดาได้ เพราะมันคล้ายๆ กับภาษาอังกฤษ และคนส่วนใหญ่ก็พูดอังกฤษได้ ไม่ต้องกังวลมากค่ะ การเดินทางก็สะดวก อาหารอร่อย แนะนำว่า นอกจากเบียร์ ขาหมู แล้ว ให้ลองกินไส้กรอกกับซุปค่ะ เข้ากันดี๊ดีและอิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ
จบแล้วสำหรับการออกทริปคนเดียวครั้งแรก ได้เจอประสบการณ์มากมาย หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่แวะมาอ่านกันนะคะ : )