2020D_Palau: ดำน้ำคนเดียว ที่ปาเลากับเจ้าแมงกะพรุน

ปาเลา เป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูคนทั่วไปซักเท่าไหร่ แม้แต่นักดำน้ำเองก็ใช่ว่าจะรู้จักกันทุกคน เพราะปาเลาเป็นประเทศหมู่เกาะที่เล็กมากกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้ามองจากแผนที่โลกก็แทบจะมองไม่เห็น แต่เชื่อหรือไม่ว่าจุดเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแห่งนี้แหละที่เป็นหมุดหมายที่ใฝ่ฝันของนักดำน้ำจากทั่วโลก และที่สำคัญ ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เลยแม้แต่คนเดียว! (อัพเดตข้อมูลวันที่ 3 Aug 2020)

การเดินทางสู่ปาเลานั้นไม่ต้องขอวีซ่า แต่ต้องใช้เวลาซักหน่อยเนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากเมืองไทย เที่ยวบินไป-กลับที่เราจองก็คือ DMK-TPE ของสายการบิน Nok Scoot และจอง TPE-ROR ของสายการบิน China Airlines ความโชคดีคือเราวางแผนการเดินทางไว้ช่วงปลายเดือน ก.พ. 2020 ก่อนที่จะมีการ Lockdown พอดี ทำให้ทริปนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ

เราได้จองแพคเกจดำน้ำไว้กับ Palau Dive Adventures ค่ะ ในแพคก็จะมีค่าทริปดำน้ำ ที่พัก และอาหารเช้า สามารถสอบถามและคุยราคาได้ผ่านอีเมล์เลยค่ะ เราแนะนำที่นี่เพราะเค้าดูแลดีมาก ๆ ตั้งแต่ไปรับจากสนามบินถึงที่พัก บนเรือก็การเตรียมของใช้อื่น ๆ ให้เราด้วยเช่น เสื้อกันลม เพราะวันที่เราออกเรือนั้นมีฝนทุกวัน กระบอกน้ำสำหรับดื่มระหว่างทาง ทำให้ไม่ต้องมีขยะขวดพลาสติกเกิดขึ้น ซึ่งตอนแรกเรานึกว่าตอนกลับเค้าคงเก็บคืน แต่ปรากฏว่าเค้าให้เลยค่ะ และยังมีอีกหลายอย่างทั้งเสื้อยืด ครีมกันแดด เป็นต้น ที่เราประทับใจไม่ใช่เพราะว่าได้ของแจกนะคะ แต่เราชอบที่เค้าใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เค้าคิดเผื่อให้เราในทุก ๆ เรื่องไว้แล้วต่างหาก : )

ก่อนจะเข้าเรื่องดำน้ำ ขอแวะมาเรื่องอาหารการกินบนเกาะนี้กันหน่อย ที่เกาะนี้ค่อนข้างได้รับวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นมาพอสมควร เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้การช่วยเหลือปาเลาไว้หลายด้าน แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนมากก็มาจากญี่ปุ่นนี่แหละ อาหารญี่ปุ่นจึงค่อนข้างหาทานได้ง่ายและราคาไม่แรงถ้าเทียบกับอาหารชาติอื่น แต่โดยรวมแล้วการจะซื้ออะไรกินบนเกาะนี้มีราคาสูงอย่างน่าตกใจ เดาว่าคงเป็นเพราะต้องนำเข้า จึงทำให้ทุกอย่างมีราคาแพง ตอนแรกเราจะหนีจากการกินอาหารในร้านไปซื้อบะหมี่กึ่งฯ กินแทน ก็พบว่าไม่คุ้มเลย เพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ได้กินอาหารดี ๆ แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะเซฟเงินจริง ๆ ก็แนะนำว่าให้เตรียมมาจากเมืองไทยดีที่สุดค่ะ

ส่วนเมนูที่เป็น Signature ของปาเลาก็คือ Mangrove Crab with Coconut Milk ค่ะ มันคือเนื้อปูต้มราดด้วยน้ำกะทิข้น ๆ แล้วตอนกินให้บีบมะนาวลงไป ซึ่งรสชาติก็คือแปลก ๆ แต่ถ้ามาถึงปาเลาแล้วก็ต้องลองอะเนอะ ฮ่า ๆ

ในส่วนของการดำน้ำนั้นพูดได้เต็มปากว่า ประทับใจมากกกก ถ้ามีโอกาสอยากกลับไปอีก ที่นี่ยังมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก มีลักษณะเหมือนเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ เราเจอฉลามและกระเบนราหูแบบไม่ต้องลุ้น มาเป็นฝูงว่ายวนเวียนเพื่อกินอาหาร ทำให้รู้สึกว่าตลอดการดำน้ำที่ไม่ได้เจอสัตว์ใหญ่แบบจัง ๆ เลย มันเป็นการรอคอยเพื่อวันนี้แหละ วันที่เราทรงตัวได้ดีพอ ถ่ายวิดีโอใต้น้ำได้นิ่งพอ ทำให้เราได้มองมันแบบตัวเป็น ๆ และเก็บภาพเอาไว้ได้ด้วย นอกเหนือจากสัตว์ใหญ่แล้ว dive site ที่ชอบมากก็คือ Blue Hole เป็นจุดที่อยากกลับไปอีก เพราะที่นี่มันอลังการมากแต่ว่าตอนลงไปคือตะลึงกับความใหญ่และความมืดของตัวถ้ำ แถมมีความชุลมุนพอสมควรเพราะมีนักดำน้ำหลายกลุ่มลงไปรวมตัวอยู่ในนั้น ก็เลยดูไปก็พะวงไป กลัวจะหลง จึงเป็นที่ที่อยากกลับไปซ้ำมากที่สุดค่ะ

Blue Corner
German Channel
Blue Hole

อีกหนึ่งไฮไลต์ของปาเลาที่พลาดไม่ได้ก็คือ Jellyfish Lake ที่นี่เป็นจุดที่สามารถ Snorkel ท่ามกลางเหล่าแมงกะพรุนหลายพันตัวได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนพิษของมัน พวกมันใช้ชีวิตอยู่ในทะเลสาบที่อยู่บนเกาะ ล้อมรอบด้วยทิวเขาและป่า แยกตัวออกมาจากส่วนของมหาสมุทร นำ้ในทะเลสาบนี้มีการแยกตัวเป็นสองชั้น ชั้นบนเป็นน้ำส่วนที่มีออกซิเจนในปริมาณที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ มีระยะลึกลงไปจากผิวน้ำ 15 เมตร ถัดจากนั้นลงไปจะเป็นชั้นที่สองซึ่งเป็นชั้นที่มีไฮโดรเจนซัลไฟด์เข้มข้น หากมนุษย์อย่างเราดำลงไปลึกที่ชั้นนี้ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังและอาจทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่มีการดำแบบสกูบ้าหรือฟรีไดฟ์ลงไปที่ความลึกขนาดนั้นแน่นอน ซึ่งจากที่หาข้อมูลเพิ่มเติมมา โอกาสที่น้ำทั้ง 2 ชั้นจะเกิดการผสมกันได้นั้นค่อนข้างยาก เพราะอย่างที่บอกว่าพื้นที่นี้ถูกล้อมด้วยทิวเขา และอุณหภูมิในแต่ละฤดูกาลมีความเปลี่ยนแปลงน้อยมาก จึงไม่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของน้ำขึ้นมาปนกันได้ค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็แค่ว่ายอยู่บนผิวน้ำก็ปลอดภัยแล้วค่ะ

Jellyfish Lake

ที่นี่จะมีแมงกะพรุนอยู่ 2 สายพันธุ์คือ Golden Jellyfish และ Moon Jellyfish จากที่เราไปมา เราจะเจอแบบแรกเยอะกว่ามากเพราะว่าเป็นสายพันธุ์ที่ออกมาหากินตอนกลางวัน และมีการเคลื่อนตัวตามแสงอาทิตย์ เมื่อไปถึงที่ทะเลสาบไกด์ก็จะรู้ว่าเวลานั้นพวกแมงกะพรุนจะรวมตัวอยู่ฝั่งไหนของทะเลสาบ เราก็แค่ว่ายมุ่งหน้าตามไป ส่วนเจ้า Moon Jellyfish นั้นจะลอยขึ้นมาที่น้ำชั้นบนเพื่อหากินตอนกลางคืนค่ะ

Golden Jellyfish
Snorkeling with jellyfishes

สำหรับคนชอบทะเล อยากให้ลองมาที่นี่สักครั้งกันนะคะ ธรรมชาติและอากาศดีมากกกกกกก และคนที่นี่ก็พยายามรักษาธรรมชาติอย่างที่สุด เพื่อให้เราและธรรมชาติได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ : )